Ads

(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มาผจญภัยกันดีกว่า

วันนี้ผมจะมาชวนคุณผจญภัย
    ที่พาดหัวอย่างนี้ ไม่ได้จะชวนออกทะเล หรือไปล่ามังกรที่ไหนกันนะครับ ผมแค่จะยกตัวอย่างให้ดู และเป็นการทดสอบระบบการจดจำให้ผู้อ่านได้เข้าใจอีกด้วย

    ก่อนที่จะเริ่มผมมีกฏอยู่ 2 ข้อ
    1. เรื่องที่ผมเล่าให้นึกภาพตามไปด้วย
    2. รูปรสกลิ่นเสียงที่กล่าวถึง ก็นึกตามไปด้วยนะ

    โอเค พร้อมแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วเริ่มกันเลย

    กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ เมื่อคุณตื่นขึ้นมาบนที่นอน คุณพบว่า คุณกำลังกอดผ้าห่มอันแสนนุ่มนวล แต่สีสันของมัน กลับเป็นสีแดงขาวน้ำเงินแบบธงชาติไทยไปได้เสียนี่

    "แป๊นๆ"

    เสียงแตรรถดังมาจากหน้าประตูห้อง ทำให้อดสงสัยไม่ได้ คุณค่อยๆ เอื้อมมือไปจับลูกบิด เปิดประตู แล้วก็พบกับ

    "เป็ด" ใช่ครับเป็นเป็ด เป็ดบ้านไหนไม่รู้ กลิ่นหอมมากเหมือนสบู่ แต่ที่แปลกกว่านั้นคือ เป็ดตัวนี้
    มีสี "แดง" แดงแจ๋แบบรถสปอร์ตเลย แถมขนก็มันวาวยังกับโลหะ
    เป็ดสีแดงหอมๆ ตัวนั้นกำลังหันมาทางเราแล้วกระพือปีกพั่บๆ เหมือนจะให้เราขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน
    คุณตัดสินใจนั่งบนหลังเป็ด และจับตัวมันไว้แน่น ทันใดนั้น
    มันก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับจรวด ชั่วพริบตา คุณก็อยู่บนท้องฟ้าอันเจิดจ้า แสงของดวงอาทิตย์ช่างแสบตายิ่งนัก

    ในขณะที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้านั่นเอง จู่ๆ ก็มีอะไรบางสิ่งบินชนแก้มและปากของคุณ
    คุณสัมผัสได้ถึงอะไรเย็นๆ นิ่มๆ คล้ายเลลี่ มีรสหวานติดริมฝีปากของคุณ
    เมื่อมองตามไป คุณเห็นสัตว์ประหลาด รูปร่างเป็นวงรี สีชมพู มีวงแหวนเทวดา และปีกเทวดา ตัวของมันใสจนมองทะลุได้ ดวงตากลมโตขนาดช็อกโกแลตm&m และปากที่เป็นทรงเลขสามหงายท้อง

    "แองเจิ้ลริ่ง" นั่นเอง (ใครรู้จักแร๊คนาร๊อกน่าจะพอคุ้น)

    สิ่งที่ไล่ตามหลังแองเจิ้ลริ่งมาติดๆ คือดรอยด์ ที่ติดกล้อง สีขาวดำ ลายพราง ชั่วพริบตาเดียว ทั้งคู่ก็ไปไกลลิบตา

    หลังจากผ่านมาสักระยะ คุณมองไปข้างล่าง ก็เห็นถนนโค้งวนเป็นวงกลม ตรงกลางมีหุ่นปูนทหารถือปืน ทหารอุ้มลูกระเบิด และเสาแท่งๆ เหลี่ยมๆ โผล่ขึ้นมาตรงกลาง

    "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" นี่เอง (ชัยคือชัยชนะ สมรภูมิคือสนามรบ)

    เจ้าเป็ดเริ่มร้อนและเหนื่อย มันจึงบินไปนั่งพักบนยอดเสา แต่เพราะแดดร้อนมาก ทันทีที่นั่งลง เจ้าเป็ดก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะความร้อน จนทำให้คุณเกือบหล่นจากหลังเจ้าเป็ด
    คุณรัดคอมันแน่น จนมันบินเซถลา ไปตรงหน้า 7-11 (เซเว่นอีเลเว่น)

    ด้วยความที่อากาศร้อน เจ้าเป็นและคุณ ก็เลยนั่งอยู่หน้าประตูร้าน แต่ก็น่าแปลก ที่คุณไม่ได้ยินเสียงกริ่งประตูหน้าร้านเลย และคุณก็นึกขึ้นมาได้ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงไว้อาลัย

    เอาสักแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวมาต่อภาคสอง เพราะผมกลัวว่าจะยาวไป

คำถามคือ (โดยไม่ต้องกลับไปดูนะ)
    1. ของที่พบบนเตียงนอนคือ
    2. บรรยายลักษณะของเป็ดในเรื่อง (3 ลักษณะ จริงๆ มี4)
    3. ในเรื่องมีสถานที่ใดบ้าง (อย่างน้อย 3 ที่)
    4. สิ่งที่ผิดปกติของ 7-11
    5. ลักษณะของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    6. เรียงลำดับสถานที่ในเรื่อง (3-4 สถานที่)
    สังเกตดูนะครับว่า คุณจำข้อมูลได้มากมายขนาดไหน
    รอบหน้า เดี๋ยวผมจะมาเล่าเรื่องต่อกัน

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ว่าด้วยเรื่องการจำภายในหนึ่งนาที

    ไม่นานมานี้ กระผม "ซีโร่" ได้ไปเดินหาหนังสือเกี่ยวกับหัวข้อหนึ่ง แต่ดันไปเจอหนังสือเกี่ยวกับอีกหัวข้อเสียได้นี่ เนื้อหามันเกี่ยวกับการพัฒนาความจำเหมือนกัน เขียนโดยคนญี่ปุ่น ชื่อหนังสือประมาณว่า

    "เป็นอัจฉริยะความจำในหนึ่งนาที"

    ด้วยความที่ เป็นคนที่ขี้สงสัย และรู้สึกขัดแย้งกับความเข้าใจที่เรียนรู้มา จึงหยิบติดกระเป๋ากลับบ้านมาด้วย (แน่นอน ต้องจ่ายเงินแล้วสิ)
    เนื้อหาที่อ่าน ดูแล้วเหมาะอย่างยิ่ง สำหรับการติวหนังสือเพื่อสอบ เพียงแต่หลักการของหนังสือเล่มนี้ เป็นการย้ำๆ ให้ความทรงจำติดสมอง และมุ่งสนใจโดยเฉพาะส่วนที่เป็นจุดอ่อนที่ต้องการจะจำ
    "ถ้าผมแฉ ผมจะโดนสำนักพิมพ์ตามมาด่าไหมเนี่ย" 
    เอาก็เอา ก็พูดมาขนาดนี้แล้วอ่ะเนอะ
    เขา อิชิอิ อะไรสักอย่างนี่ล่ะ ให้คำแนะนำที่น่าสนใจไว้ว่า "ถ้าคุณเขียนคำศัพท์เพื่อจดจำ คุณเขียนครั้งหนึ่งใช้เวลา 10 วินาที แต่ถ้าคุณใช้วิธีอ่านเฉยๆ คุณใช้เวลา 1 วินาที นั่นคือ ถ้าเขียน คุณจะทบทวนได้แค่ 6 ครั้ง แต่ถ้าอ่านหรือมองอย่างเดียว คุณจะทบทวนได้ถึง 60 ครั้ง" อืม น่าคิดนะครับ
 
    และพออ่านต่อไปอีกสักพัก ผมก็พบว่า หนังสือเล่มนี้ "เน้นการจำและตั้งเป้าไปที่สิ่งที่ยังจำไม่ได้" พูดง่ายๆ คือการแบ่งความสำคัญของสิ่งที่ต้องการจะจำนั่นเอง โดยจะมีการแบ่งข้อมูลออกมาในโซนสีต่างๆ

    แต่ว่า สิ่งที่ตรงนี้ต่างกับระบบและวิธีที่ผมจะสอนและอธิบายอยู่ก็คือ "ปริมาณความมากน้อยของข้อมูลที่จดจำ แฃะความติดทนนาน" หนังสือเล่มนี้มีการกล่าวถึงกระบวนการสร้างความเชื่อมโยงในการจำเหมือนกันครับ แต่เน้นในการท่องจำมากกว่า ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถทำการเชื่อมโยงเป็นรูปภาพได้
    ฉะนั้น สองวิธีนี้เป็นการผสมผสานกันที่ลงตัวดี

    หนังสือเล่มนี้ผมยังอ่านไม่จบนะ แต่มีพูดถึงจำนวนที่เหมาะสมกับการจำ ระยะเวลาในการลืม ถ้าซื้อมาก็คงช่วยในการเรียนได้แน่นอน

    ป.ล.ช่วงนี้ผมไม่ได้แตะคอมฯเลย ขอโทษที่ไม่มีอัพเดทครับ
    นี่พิมพ์จากมือถือ สังเกตได้ว่าช่วงท้ายไร้ซึ่งสีสัน
    ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ แล้วพบกันใหม่

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ภาษากับภาพ

    ถ้าเราพูดถึงของสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าเราจะเรียกมันว่าอะไร เรียกภาษาไหน สิ่งนั้น มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม เช่น น้ำ ภาษาอังกฤษเรียกวอเตอร์ จีนเรียกฉุ่ย ญี่ปุ่นเรียก มิซึ แต่ไม่ว่าเรียกยังไง มันก็คือของเหลว ใสๆ ที่ใช้ในการดื่ม หรือชำระล้างนั่นเอง

การเชื่อมโยงของภาษา

    ในการเชื่อมโยงความแตกต่างของข้อมูล ที่ใช้พื้นฐานในการออกเสียงต่างกัน มันเป็นไปได้ยากมาก ที่จะหาคำต่างๆ มาใช้เชื่อมโยง โดยเสียงใกล้เคียงที่สุด เหมือนตัวอย่างของอาซิ่ม ที่ผมยกตัวอย่างไปแล้ว อาซิ่ม กับ Assassin (กลับไปอ่านในบทความก่อนๆ)

    เอาล่ะ มายกตัวอย่างก่อนละกัน กับภาพที่ผมวาด
    ภาพนี้ ผมอัพโหลดลงอินสตาแกรมไปนานพอสมควรละ ในภาพนี้กำลังทำอะไรกัน
    ตัวอักษร "N" ที่กำลังเมา (ถือขวดเหล้าด้วยเห็นไหม) นั่งเล่นโกะ (หมากกระดานชนิดหนึ่ง) กับแมวตัวหนึ่ง ที่กำลังไอ (แค่กๆ)
    ดูแล้วน่าสงสัยว่า ทำไมภาพช่างออกมาได้แปลก และแหวกแนวเยี่ยงนี้หนอ อย่างที่บอกว่า เสียงในภาษาไทย มันหาคำใกล้เคียงได้ไม่กี่คำ ในคำภาษาอื่น แต่ก็นะครับ นี่คือตัวอย่างการเชื่อมโยงของคำว่า

    "แมว"

    ความหมายมีแค่ตัวเดียวในภาพนี่ล่ะครับ แต่ภาพนี้มีภาษาจีน ญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษด้วยนะ
    ภาษาจีน แมว ออกเสียงว่า "เมา" ครับ ไอ้ตัวอักษรที่กอดขวดเหล้านั่นล่ะ
    ภาษาญี่ปุ่น     ออกเสียงว่า "เนโกะ" เนโกะจั๊มป์นั่นล่ะครับ "N" นั่งเล่นโกะ เลยเป็น "เนโกะ" ครับ
    ภาษาอังกฤษ  ออกเสียงว่า "แคท" ไอ้เสียงไอของแมวนั่นล่ะครับ แต่เสียงอาจจะไม่ใช่ แค่กๆ 

    นี่คือตัวอย่างแรก ตัวอย่างที่สอง ที่ผมจะยกมา อาจจะออกเสียงไม่ค่อยตรงกับความหมายแท้เท่าไร

    ภาพเซ็กซี่เล็กน้อย ผมของอนุมานว่า ทุกคนรู้จักคำว่าน้ำในภาษาอังกฤษนะครับ วอเตอร์ "water"
    ในรูปคือ สาวฝรั่งเซ็กซี่ ตัวเธอยังคงมีกลิ่นน้ำหอมฉุยแม้ลงเล่นน้ำ (น้ำหอมกลิ่นแรงมาก อย่าลืม)
    ภาษาจีน น้ำ ออกเสียงว่า "ซุ่ย"  แผลงมาจากน้ำหอมฉุย
    ภาษาญี่ปุ่น น้ำ ออกเสียงว่า "มิซึ" สาวแหม่ม ภาษาอังกฤษเราเรียก "มิส" (Miss) ญี่ปุ่นออกเสียงสั้น ก็เลยเป็น "มิซึ"

    การปรับเรื่องความจำกับภาษา คือการประยุกต์ลูกเล่นส่วนตัว เดี๋ยวผมจะยกอีกตัวอย่างสุดท้ายกับคำว่า

    "แผนที่"

    เอาล่ะ ฝึกใช้สมอง และจินตนาการสักเล็กน้อยนะครับ นึกภาพหมาชิสุตัวนี้ นอนแหมะอยู่บนแผนที่ แล้วข้างๆ มีไม้ถูพื้นคิตตี้อยู่ คิดภาพให้ชัดนะครับ มันนอนแหมะอยู่บนแผนที่ มีไม้ถูบ้านคิตตี้อยู่ข้างๆ 

    เอาล่ะ พร้อมแล้วมาเฉลยกันดีกว่า มีใครจะเดาถูกกันมั่งไหมน้อ
    ภาษาจีน แผนที่ ออกเสียงว่า "ตี้ถู" ไอ้ไม้ถูบ้านคิตตี้นี่แหละ หรือจะคิดภาพอาตี๋สุดหล่อ มีซิกแพ็ค ใส่ผ้ากันเปื้อนผืนเดียวกำลังถูบ้านก็ได้ (ยิ่งแปลก ยิ่งฮา ยิ่งอุบาวท์ ก็ยิ่งจำได้นะครับ อ้วกกกกกกก)
    ภาษาญี่ปุ่น     ออกเสียงว่า "ชิซุ" ใช่ครับ ไอ้หมาเนี่ยแหละ ออกเสียงแทบไม่หนีกันเลย
    ภาษาอังกฤษ  ออกเสียงว่า "แม๊พ" ไอ้นอนแหมะกับพื้นนี่แหละครับ จำไว้นะครับ นอนแบนๆ แปะพื้นแบบนี้ นอนแหมะ

    เอาล่ะ วันนี้ก็พอกันแค่นี้ก่อนดีกว่า รอบหน้า จะเอาหัวข้ออะไร เดี๋ยวรอชมละกันนะครับ

    ป.ล. ใครอยากได้อะไร คอมเมนท์อะไร รีเควสต์อะไร หรือจะมีช่วงตอบจดหมาย ก็บอกมานะครับผม


วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กำหนดการ กับความจำ

    ก่อนที่จะมาพูดถึง วิธีการที่จะช่วยในการช่วยจดจำกำหนดการสำคัญๆ ของคุณ ผมต้องขอย้ำอีกทีว่า

    "ผมสอนให้คุณจำได้ จำดี แบบไม่ลืม ไม่ได้สอนให้จำได้เร็ว เรียนรู้ได้เร็วนะ"
    จะเรียนเร็ว รู้เร็ว จดจำข้อมูล หรือแปลงข้อมูลได้ไว มันอยู่ที่การฝึกฝนของคุณมากกว่า ยิ่งใช้มาก ฝึกมาก ยิ่งเก่งมาก เร็วมากนะครับ

    กำหนดการ ประกอบด้วย สิ่งที่ต้องทำและเวลา

    ลองนึกถึงสิ่งที่คุณต้องการทำขึ้นมาสักสิ่งหนึ่ง มันจะประกอบไปด้วย
    1. กิจกรรม เต้นรำ ทำกลอง ลองของ จองตั๋วหนัง ฟังเพลง เต้นแทงโก้ บลาๆๆๆ
    2. วันที่ เดือน ปี (ปีคงไม่ต้องเอาหรอกมั้ง แต่ถ้าเอาผมก็คิดว่าคุณสามารถกำหนดเพิ่มลงไปได้)
    3. ใคร พ่อ แม่ พี่ น้อง แฟน กิ๊ก อีหนู จะอะไรก็แล้วแต่ เอาที่สบายใจ
    4. เวลา เกิดไม่ใช่ จำวันถูก แต่ผิดเวลาไปสองชั่วโมง ของขวัญสวยๆ ที่คุณเตรียมไว้ อาจกลายเป็นเรื่องซวยๆ ของคุณก็ได้

   สรุปคือ อย่างน้อย คุณก็ต้องมี 4 องค์ประกอบนี้ ที่จะต้องจดจำ ก่อนจะไปสานสัมพันธ์ลึกซึ้ง หรือไปสร้างความบาดหมางร้าวฉานกับใคร ทำให้สนุกและเป็นภาพ จะช่วยคุณได้เยอะ แล้วต้องเกี่ยวกับกำหนดการด้วยนะ ยกตัวอย่างเช่น    "วันพุธที่ 14 สิงหาคม ผมนักสาวก้อย ไปทานไอศครีมสเวนเซ่น ที่พารากอน เวลา ห้าโมง ครึ่ง"
    ถามว่าสาวก้อยไหน ผมตอบว่าไม่รู้ เพราะผมสมมุติ ว่าแล้วก็สมมุติภาพเลยละกัน

    "ผมอยู่หน้าประตูบ้าน กำลังจะเปิดประตู
 มีรูปภาพใบหนึ่งแปะอยู่ที่ประตูบ้าน 
เป็นรูปสะพานพุทธ บนรูปภาพ มียาแม็ก77 ติดอยู่ 
ในภาพมีสิงโตกำลังแทะนิ้วก้อยของใครสักคนอยู่ 
ข้างหน้าสิงโตก็มีถ้วยไอศกรีมสเวนเซ่น มันแทะไป ก็ปัดถ้วยไอศกรีมล้ม
ผมตกใจกับภาพที่เห็นมาก ไม่รู้จะทำไง จึงหัวเราะออกมา 
แต่สักพัก ก็นึกได้ว่ามันไม่เหมาะสม จึงหยุดกลางคัน"    

................................

    จินตนาการออกจะโหดซาดิสต์ใช่ย่อย เอาล่ะ ผมมาเริ่มอธิบายทีละส่วนดีกว่า
    
1. ผมอยู่หน้าประตูบ้าน กำลังจะเปิดประตู >>>> คือให้เป็นประตูบ้าน หรืออะไรก็ได้ครับ กระจก
    ก็ได้ เวลาเข้าห้องน้ำ มองกระจก มันจะได้ช่วยให้นึกออกว่า เรามีกำหนดการอะไร ตัวนี้เป็นตัวกระตุ้น
    เฉยๆ เผื่อใครไม่ทันนึก
2. รูปสะพานพุทธ บนรูปภาพ มียาแม็ก77 ติดอยู่ >>>> สะพานพุทธ คือตัวแทนของวันพุธครับ
    แนะนำว่าควรสร้างสัญลักษณ์ประจำวัน ประจำเดือน และสัญลักษณ์ของตัวเลขขึ้นมากันไว้นะครับ
    ส่วนยาแม็ก 77 คือ เลข 7 สองตัว บวกกันได้ 14 ครับ
3. ในภาพมีสิงโตกำลังแทะนิ้วก้อย >>>> สิงโตก็สิงหาคมครับ นิ้วก้อย ก็สาวก้อยนั่นล่ะ 
4. ถ้วยไอติมสเวนเซ่น >>>> อันนี้ผมคงไม่ต้องอธิบายเนอะ 
5. หัวเราะออกมาแต่หยุดกลางคัน >>>> ฮ่าๆๆ แล้วหยุด ก็ห้าโมงครึ่งครับ

    นี่แหละครับ ครบถ้วนกระบวนความ รอบถัดไป เรามาเล่น  "คำศัพท์ภาษาต่างชาติ"  กันมั่งดีไหมครับ น่าจะสนุกดีนะ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Let's Practice!!! มาฝึก กันอีกสักเล็กน้อย

    โอเค ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องการจดจำตารางนัดหมาย ผมรู้สึกว่า ผมออกจะกระโดดข้ามขั้นแบบโหดเหี้ยมไปหน่อย

    งั้นมาเริ่มขั้นพื้นฐานเบสิก กันก่อนดีกว่า Let's Practice

    ให้คุณลองนึกภาพ ผลส้มหนึ่งลูก คุณกำลังถืออยู่ รู้สึกถึงน้ำหนัก สัมผัส สี กลิ่น
    Let's think about an orange in your hand, weight, smell, smooth or rough, color.

    ต่อมายังนึกภาพส้มอยู่ แต่เปลี่ยนเป็นสีเขียว และกลิ่นของมันก็เปลี่ยนเป็นกลิ่นกุหลาบ
    And then, with your imagination, change it's color to green and the scent to rose.
    ลองเลียดูซิ คิดว่าให้มันมีรสเหมือนกาแฟ ค้างภาพนั้นไว้ในหัวสัก 1-3 นาที
    Try to lick it and the taste like coffee. Hold that images in your mind for 1-3 minutes.

    การจำลองเช่นนี้ จะช่วยให้คุณสามารถ มโนภาพ หรือใช้ความคิดเชื่อมโยงได้ดีขึ้น มากขึ้น คุณจะรู้สึกสมองนิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
    This practice would help you to create the clear image in your mind more easier, and would make your brain will numb a little bit. Your "brain" need to train like your "muscles".

    ฝึกบ่อยๆ ก็จะทำได้ดี ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น

    ต่อไป มาจับคู่กัน >>>>> Next! The paring.

    ผมจะให้คำต่างๆ 14 อย่าง ให้ลองนึกภาพ และสร้างความเชื่อมโยงของแต่ละคู่เข้าด้วยกัน เอาให้ภาพนั้นชัดเจนที่สุด หลังจากนั้น ปิดคำครึ่งหนึ่ง แล้วนึกถึงของอีกครึ่งที่เหลือ
    This time I gave you 14 words, in pairs. Make the connection between these two items, make the pictures about connection the most clear as you can. Then cover the half and recall what was their pair. 

          ร่ม            ดิน          ปากกา          ดอกบัว          ดาบ          ทหารเรือ          หนังสือพิมพ์

      ข้าวสาร     อวกาศ       กระดุม             ไฟ            กระดิ่ง           ใบไม้                    ผึ้ง


      umbrella      soil           pen               lotus           sword          marine           newspaper

          rice         space       button            flame            bell              leaf                    bee


    ใครจำได้เกือบครบ ก็ถือว่าเข้าที่เข้าทางแล้ว
    How many scores? If you got almost, you are in the good shape.

    ของอย่างนี้ใครๆ ก็ฝึกได้ครับ แต่จะได้มากหรือน้อย ก็แล้วแต่บุคคล และการฝึกฝน อย่าหักโหมมากไป จนคุณรู้สึกว่ามันเป็นภาระ ค่อยๆ ทำไป ตอนที่อยากทำ เพราะไม่งั้นคุณจะเบื่อแล้วเลิกไปเสียก่อน

One deck recall Example.

    อันนี้คือคลิปตัวอย่าง ที่ผมอัดมาให้ดู เป็นการจำไพ่หนึ่งสำรับ ซึ่งผมเริ่มฝึกกระบวนการไปได้ประมาณสัปดาห์กว่า ก็สามารถพอที่จะจดจำไพ่ได้ทั้งสำรับ ใครขี้เกียจดูก็ข้ามไปเลยก็ได้ (คราวหน้าจะเริ่มจำ 2 สำรับละ)


    เพราะฉะนั้น มันไม่เกินความสามารถของคุณหรอก แล้วพบกันใหม่รอบหน้า
    If somebody need more English version. Tell me in comment. OK?

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หลักเรียนรู้ในการเรียน เรื่องนี้เคยฮือฮาในไทยไปแล้ว

มอต่า เอ้ย มาต่อกันดีกว่า กับหัวข้อที่คนหลายๆ คนอยากรู้
    "ความจำกับการเรียน"

    แต่ก่อนจะเข้าบทนี้ไป สำหรับใครหน้าใหม่ๆ แนะนำให้ไปไล่อ่านตั้งแต่บทความแรกนะครับ เพื่อความเข้าใจ และได้ฝึกฝนเล็กๆ น้อย โอเค สำหรับคนที่อ่านมาแล้ว และตั้งใจอ่านตามอย่างดี ยังจำ "ไส้เดือนร้องเพลง" ได้หรือเปล่าครับ ของ 10 อย่าง ใครจำได้ แสดงว่าจินตนาการภาพตามตอนที่อ่าน ใครจำไม่ได้ ก็ฝึกกันสักหน่อยนะครับ

    ในบทเรียน และการเรียนต่างๆ ก็มีหลากหลายวิชา แต่ส่วนมาก เมื่อเราเจอบทเรียนต่างๆ มันก็มักจะเป็นลักษณะเช่นนี้ บทใหม่ > หัวข้อใหญ่ > หัวข้อย่อย ไล่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกบท บทเดียวมีหลายๆ หัวข้อ และหัวข้อย่อยๆ ลงไปอีก
    ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แบบนี้ล่ะจะช่วยให้เราจดจำได้ง่าย เพียงแต่.....

    เพียงแต่ว่า พวกเราส่วนใหญ่ เวลาอ่านหนังสือ หรือท่องจำ มักจะทำการอ่านแหลก อัดแหลก แม้แต่ตัวผมในสมัยเรียน ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการอ่านจับใจความเท่าไรนัก อ่านตะบี้ตะบันอย่างเดียว แล้วก็คิดว่า อันไหนที่สำคัญ ก็จะจำได้เอง
    ผลก็คือ
    "อันไหนที่สำคัญ ลืมไปหมด" จำได้แต่อะไรก็ม่ายรู้

    อย่างที่เคยกล่าวไปในบทความก่อนๆ การเชื่อมโยง คือส่วนสำคัญในการจำ ถ้าคุณสามารถผูกเนื้อหาเป็นคำกลอน (ซึ่งเสียงเชื่อมโยงกัน) ก็จะช่วยได้ไม่น้อย เพียงแต่ ทุกคนคงไม่ได้เจ้าบทเจ้ากลอนเหมือนกัน ใช่ไหมเล่า

    งั้นทำอย่างไรดี? เราขอเสนอออออออออออ.................
    คุ้นๆ กันไหมครับ ช่วงหนึ่งบ้านเราฮิตๆ กัน แล้วก็เลิกฮิตไปละ "Mind Map" ครับ
    แต่ก่อนที่จะทำ ก็ต้องรู้ก่อนนะครับว่า เรื่องไหนสำคัญ ประเด็นอยู่ตรงไหน ใหญ่สุดห้อยู่ตรงกลาง จักรวาลจงหมุนรอบตัว "นวล" (จะมีคนเก็ทมุกไหมเนี่ย) เอาเป็นจักรวาลรอบตัวฉันละกัน

แทรกเพจนวลนิด เผื่อใครอยากอ่าน
http://www.ookbeecomics.com/manga-and-comics/detail-page/2095

    เอ้า กลับมาต่อ ขอบอกว่าเจ้าของบล็อกนี้ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับนวลแต่อย่างใด
    มายด์แมพนี้ ใช้หลักการเหมือนต้นไม้ใหญ่ จากใจกลาง แตกกิ่งก้านสาขาออกไป โดยใช้การผูกโยงความสัมพันธ์ต่างๆ แต่ละก้าน แต่ละกิ่ง จะมีคำพูด คีย์เวิร์ด รูป หรือรหัสใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อย่อย และสัญลักษณ์ย่อยลงมา

    ยิ่งใส่สีสัน หรือ วาดภาพประกอบที่เชื่อมโยง ชัดเจน ยิ่งทำให้เราดึงข้อมูลออกมาได้ ง่ายขึ้น มากขึ้น และดีขึ้น เพียงแต่ว่า......
    คุณต้องมาเสียเวลาทำกับมันนี่ล่ะครับ แต่ต้องค่อยๆ ทบทวนไป ดูย้ำบ้างเป็นครั้งๆ ถ้าดูแผนผังแล้วยังลืมตรงไหน ก็กลับไปเปิดหนังสือดู อาจจะเราผูกสัญลักษณ์ หรือความสัมพันธ์ของคำไม่ชัดเจนหรือรุนแรงพอ

    ไม่ขอยกตัวอย่างละกัน เพราะหัวข้อ เยอะ และยาว 
    ป.ล. ไม่ต้องไล่จำคำกับคำพูดทุกๆ คำหรอกนะครับ มันไม่จำเป็นหรอก ในการที่จะใช้ข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ เข้าใจหลักการมันดีกว่าครับ

    คราวหน้า มาผสมผสานจินตนาการ กับการจำวันที่ หรือกำหนดการนัดหมาย ดีไหมครับ

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กุญแจของความจำคือ การเชื่อมโยง

กุญแจของความจำ คือ "ความเชื่อมโยง" นี่คือหัวใจหลักของหัวข้อ และวิธีทั้งหมดทั้งมวล ที่ยอดนักจำในโลกใช้กันเลยทีเดียว

    ถ้ายกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นเลยคือ สิ่งนี้ เป็นกระบวนการเรียนรู้แรก ที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดใช้เมื่อเกิดขึ้นมา

    เด็กทารก เกิดมาไม่ได้พูดได้ทันทีครับ เขาพูดได้เมื่อไร และเพราะอะไร  

    เด็กมองสิ่งรอบข้าง ได้ยินเสียง ภาพ และเห็นการกระทำต่างๆ รู้สึก และสัมผัส จนถึงเวลาที่อวัยวะที่ใช้ในการออกเสียงพอจะใช้การได้ ก็เริ่มลองออกเสียงดู "กิน" "หม่ำๆ" ก็ตอนที่ตัวเองได้รับการป้อนข้าวป้อนอาหาร จึงเข้าใจคำสองคำนี้

    สรุปแล้ว รู้สึก "ง่าย" มากใช่ไหมครับ แล้วเราจะประยุกต์มาใช้ในการสร้างกระบวนการจดจำอย่างไร

    เอาสักตัวอย่างละกัน ใครรู้จักคำว่า "Assassin" บ้าง คำนี้ออกเสียงว่า "แอสซาซิน" แปลว่า "นักลอบสังหาร" เอาแปลแบบไม่ละเอียดไปก่อนละกัน ถ้าให้คุณจำ จะจำแบบไหน แค่คำเดียวเอง จะท่องก็คงไม่ยากนัก แต่ว่ามันมีวิธีอื่น วิธีนั้นคือ

   "อาซิ่ม" ครับ ใช่แล้ว ป้าแก่ๆ ผมขาวๆ พูดภาษาไทยไม่ชักนั่งละ
    ทำไมถึงเป็นอาซิ่มล่ะ เพราะมันออกเสียงคล้ายกับคำว่า แอสซาซิน ครับ

    อาซิ่มแก่ๆ คนนี้ แบกปืนไรเฟิล ขึ้นไปบนยอดตึก แล้วเอาปืนส่องกบาลท่าน.......... สักท่านนั่นล่ะ ครับ อาซิ่มกำลังจะปลิดชีพ หรือลอบสังหารท่าน........... นั่นเอง คราวนี้ก็จำภาพนี้ไว้ ถ้านึกถึงการลอบสังหาร ก็จะเห็นอาซิ่ม แล้วก็จะนึกคำว่าแอสซาซินออก
    อันนี้คือตัวอย่างทริกง่ายๆ แต่เราก็ต้องมีการทบทวนเป็นบ้างครั้งบางคราวครับ ค่อยๆ ทบทวนไป แล้วก็จะไม่ลืม วันละรอบ สองรอบ ก็พอครับ ต่อไปก็สักสัปดาห์ แล้วก็สัก 15 วัน แล้วก็เดือน
    ไม่ต้องตะบี้ตะบันจำนะครับ มันไม่ช่วยเท่าไรหรอก

    โอเค แค่ตัวอย่างเดียว อาจจะไม่คุ้มที่เปิดเข้ามาอ่าน อันนั้นเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับคำศัพท์ ต่อไปเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับรายการของใช้ละกัน
    อย่างที่เคยบอกไว้ ให้ใช้สมองทั้งสองซีก จะดีกว่าใช้ซีกเดียวในการจดจำ ต่อไป ผมจะให้รายการคุณไปจ่ายตลาด มาทำกับข้าวดีกว่า รายการมีดังนี้

    "แครอท หอมแดง ไข่" เอาสั้นๆ ง่ายๆ ก่อน สามรายการ จำได้ไม่ยากใช่ไหมครับ

    ตอนนี้ คุณจำรายการ เป็นคำหรือเปล่า หรือจำเป็นรูปภาพ แต่จะเป็นแบบไหนก็ได้ เพราะของมันน้อย ผมเพิ่มให้อีกรายการละกัน เอาเป็น ไปซื้อ "น้ำมัน" มาด้วยนะ อืม ชักเริ่มเยอะขึ้น แต่ก็ยังจำง่ายใช่ไหม งั้นเพิ่ม "กระทะ" กับ "ตะหลิว" ไปอีกอย่าง เอ้า ลองหลับตาดู แล้วนึกรายการทั้งหมดออกไหมครับ

    เริ่มยากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ เอาล่ะ ที่ผมจะทำให้จำของพวกนี้ง่ายขึ้นคือ

    "ผมกำลังจะทำไข่เจียวใส่แครอทและหอมแดง ใส่น้ำมันน้อยๆ ใช้กระทะ กับตะหลิว" จบไหมครับ กลิ่นไข่เจียว มือจับด้ามกระทะ แล้วจับตะหลิว ชิมแครอทกรอบๆ กับหอมแดงสักนิดนึง ได้แล้วครับ จำรายการของไม่กี่อย่างแบบง่ายๆ เลย


    แน่ะๆ เดี๋ยวไม่เชื่อไม่ศรัทธากันอีก
    ใช่ครับ มันเป็นของเกี่ยวข้อง คล้ายๆ กัน มันก็ง่ายน่ะสิ ใช่หรือเปล่า ฉะนั้น เรามาทำให้ยากกว่านี้ดีกว่า
    "ไมโครโฟน ไส้เดือน รองเท้าแก้ว เลื่อยไฟฟ้า ปลากัด ระเบิด หนังสือ องุ่น ปิ่นโต ยาดม" เอาล่ะ สิบรายการ ผมให้เวลาค่อยๆ จำ แต่อย่างที่บอก กุญแจของความจำ คือความเชื่อมโยง
    ให้เวลาคิดสักคืนกันดีไหม แล้วเดี๋ยวผมค่อยมาเฉลย



    อะไรนะ ไม่อยากรอ หาว่าผมกั๊กเหรอ อ่ะๆ บอกเลยก็ได้

    "ผมมองไปที่เวที เห็นไมโครโฟนตั้งตระหง่านอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงร้องเพลง พอมองดีๆ มีไส้เดือนตัวหนึ่ง กำลังร้องเพลงอยู่ตรงนั้น แสงที่ส่องมา กระทบรองเท้าแก้วคู่เล็กๆ ที่มันมัดไว้ที่คอ แล้วจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเลื่อยไฟฟ้าดังมาจากข้างหลัง ปรากฏว่ามีปลากัดยักษ์ที่มีขา กำลังวิ่งเข้ามาในห้องพร้อมเลื่อยไฟฟ้า (ยังกับหนังสยองขวัญ) ผู้ชมคนหนึ่งที่เป็นทหาร เกิดกลัวมาก จึงขว้างระเบิดใส่ปลากัดตัวนั้น ตูม!!!!! กลายเป็นมีเศษหนังสือปลิวลอยออกมาเต็มไปหมด (ไม่ใช่โกโก้ครันช์) พอมองไปข้างบนที่หน้าหนังสือปลิวไปมา ก็เห็นองุ่นห้อยอยู่เยอะแยะบนเพดาน บางลูกก็หล่นลงมาเข้าปากผม องุ่นนั้นเปรี้ยวมาก คุณป้าแก่ๆ ที่เป็นผู้ชมอีกคนรีบเอาปิ่นโตมาเก็บองุ่นเป็นการใหญ่ แต่แกรีบมาก เลยต้องควักยาดมมาดม" อันนี้ จะได้ลำดับของที่ถูกต้องทั้งหมดด้วยนะ แล้วก็ยังลืมยากอีกด้วย

    การทำเรื่องที่ดูไม่เกี่ยวข้องกัน ให้เกี่ยวข้องกัน ให้เชื่อมโยงกันนี่ล่ะ คือการช่วยจำที่ดี
    แต่อย่าเพิ่งรีบหักโหมทำนะครับ เพราะถ้าไม่เคยชิน แล้วจู่ๆ รีบๆ ยัด อัดเข้าหัวล่ะก็ อาจจะรู้สึกว่าสมองนิ่มเป็นเยลลี่ก็ได้นะ

    แล้วคราวหน้า จะมาอธิบายถึงการจำแบบอื่นๆ และทริคอื่นๆ อีก สนใจก็ คอมเมนต์ แชร์ และติดตามได้เลย สวัสดีลาก่อยสมองเยลลี่

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การจดจำที่เราเรียนรู้มา

    เมื่อเราตั้งใจมั่นแล้วว่า เราทำได้ และต้องทำให้ได้ (ออกแนวมัดมือชกแฮะ แต่ทำได้จริงนะเออ) เราก็มาทำความเข้าใจถึงกระบวนการเรียนรู้ที่ผ่านๆ มาของสังคมบ้านเรา และหลายๆ แห่งทั่วโลกกันดีกว่า

    อ่าน ท่อง จดกันลืม ทำวนไป กระบวนการโดยส่วนมากก็ประมาณนี้ แต่ไหงสิ่งที่ได้มากลับเป็น
    "อ่าน ท่อง จดกันลืม ลืม ทำวนไป" ได้หว่า

    สมองก้อนนิ่มๆ อันน้อยนิดของเรา แม้จะไม่ถึงกับท่วมไปด้วยขี้เลื่อย แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะร่างกาย ซึ่งมีอาการอ่อนล้าได้ เหมือนกล้ามเนื้อของร่างกายนั่นเอง ซึ่ง อาการอ่อนล้าของสมองคือ ตื้อ มึนๆ อึนๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ แม้จะอัดกาแฟ เครื่องดื่มเอ็ม และเครื่องดื่มกะโหลกควาย หรือโปรตีน น้ำมันปลาเข้าไปแล้ว ก็ยังมึนส์อยู่ดี
    ตามข้อมูลที่อ่านพบมา (พบมานานละ) สมองของเรา พร้อมที่จะรับข้อมูล หรือจดจำข้อมูลต่างๆ เป็นระยะเวลา 20 นาที ถ้านานกว่านั้น ก็จะเริ่มไม่มีสมาธิ จำไม่ค่อยได้ ไม่ดีเท่ากับช่วงแรกๆ ควรจะได้พัก สูดอากาศ หรือจิบกาแฟ หาของอร่อยทาน นั่งหลีหนุ่มหลีสาว (ไม่ใช่ละ) สัก 5 นาที แล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่ ก็จะเริ่มจดจำอะไรได้ดีขึ้นอีก
    สมาธิ ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งครับ สมาธิก็คือ ความตั้งใจ และการใส่ใจในการจดจำข้อมูลนั่นเอง การนั่งหน้าห้อง ก็เป็นเทคนิคหนึ่งที่ทำให้มีสมาธิจดจ่อ กับข้อมูลที่อยู่เบื้องหน้า (ซึ่งในทางกลับกัน การนั่งหลังห้องก็มีอำนาจลดทอน ความใส่ใจในการจดจำข้อมูล)

    เอาล่ะ มาเข้าประเด็นหลักๆ สำคัญๆ กันจริงๆ ละ
    ทุกคน น่าจะพอรู้ว่า คนเรามีสมองสองซีก
    ข้างหนึ่งใช้เรื่องการคำนวน ความคิดเชิงตรรกะ ถูก ผิด บวก ลบ คูณ หาร ดิฟ อินทิเกรด (พอๆ เยอะ)
    ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นด้านศิลป์ ภาพ เสียง สุนทรีย์ ดนตรี อะไรก็ตามที่เป็นเชิงแนวหลั่นล้า แต่เวลาเราเรียน เราจำ เราทำยังไงกันครับ

    ตะบี้ ตะบัน ท่อง จำ จด กันลูกเดียว นั่นแสดงว่า เราไม่ใช่สมองทั้งสองข้าง ในการช่วยจดจำข้อมูล

    ลองนึกถึงประสบการณ์ชีวิตในอดีต อันแสนห่างไกล หรือใกล้ๆ ก็ได้ ทุกคนยังจำรายละเอียดต่างๆ ในช่วงเวลานั้นได้ไหมครับ
    อากาศร้อนหรือเย็น ฝนตกหรือมีแดด รู้สึกยังไง ได้ยินเสียงอะไรบ้าง เห็นอะไร มีใครบ้าง ข้อมูลมากมายเลยให้ขุดคุ้ย แม้จะจำไม่ได้เป๊ะ นี่แหละครับ ความจำที่ใช้สมองทั้งสองฝั่ง กุญแจการสร้างระบบความจำชั้นยอด
    เอ๊ะ ยังไง ยังงงๆ
    โปรดติดตามตอนต่อไป

 

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ความจำที่ดีขึ้น

ถ้าอยากมีความจำที่ดีขึ้น จะต้องทำอย่างไร?

นั่งสมาธิ      ทานอาหารที่มีประโยชน์      พักผ่อนให้เพียงพอ     ออกกำลังกาย      บลาๆๆๆๆ

    อ่านๆ ดูล้วนไม่ต่างกับข้อแนะนำเดิมๆ และความเพ้อฝัน มันช่วยได้จริงเหรอ ก็ช่วยได้นะครับ แต่มันช่วยได้เพียงน้อยนิด จนแทบไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเลย
    แล้วเวลาที่ ต้องอ่านหนังสือสอบ เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ พยายามจำตัวเลข หรือข้อมูล ทุกคนทำยังไงกัน ท่องซ้ำ อ่านซ้ำๆ อ่านออกเสียงดังๆ เขียน ดูแล้วดูอีก นำเสนอหรือพูดเนื้องานซ้ำๆ คงเป็นวิธีปกติที่พวกคุณทำกันทั่วไป ก็เป็นวิธีที่ดี และถูกต้องครับ เพียงแต่ว่า มันมีวิธีที่ดีกว่านั้นมาก

    ใครชอบดูมายากล จะพอเห็นกลไพ่บางอย่าง เช่น เขาสามารถบอกได้ว่า ไพ่ที่อยู่ถัดๆ ไป คือไพ่อะไร หรือสามารถบอกลำดับหมายเลข และดอกของไพ่ได้ถูกทุกใบ ว้าว สุดยอดมากๆ แต่ผมขอบอกเลยว่า พวกคุณทุกคน สามารถจำไพ่ได้ทั้งสำรับ โดยใช้เวลาฝึกไม่ถึงเดือน (ที่ว่าจำนี่ หมายถึง สับไพ่ทั้งหมด แล้วมาจำใหม่ภายในเวลาไม่กี่นาทีนะครับ ไม่ใช่พยายามดูและจำไพ่เดิมทั้งเดือน)

    แล้วเรา จะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน? จะทำได้หรือ?
    แน่นอนว่าในสมองของคุณ ย่อมมีคำถามต่างๆ นานา และผมก็ไม่ได้เขียนกระทู้นี้ขึ้นเพื่อมาขายความเพ้อฝันนะครับ คาถาแรกเลย ที่จะทำให้คุณมีความจำที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดคือ จงเชื่อว่า

    เราทำได้!
 
    แล้วเดี๋ยวผมจะค่อยๆ มาอธิบายต่อในบทความหน้า ว่าจะทำได้อย่างไร