Ads

(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การผจญภัยกับคุณยาย

    อารัมภบทไปแล้ว แต่ยังไม่ได้แนะนำตัวละครเลย ใช่แล้วครับ ผมจะร้อยเรียงให้เป็นเนื้อเรื่อง นอกจากจะน่าติดตามแล้ว จะยังทำให้ได้ศัพท์ใหม่ๆ โดยไม่เบื่อเลย เอ้า หล่อน แนะนำตัวสิ
    "สวัสดีเพคะ ข้าน้อย ชื่อ วา ฉายาตาชิด หรือก็คือ "ฉัน" ในบทที่แล้วนั่นเองเจ้าค่ะ ส่วนนี่คุณยาย เป็นตัวประกอบอดทน ฉะนั้นจะข้ามการแนะนำตัวไปเลย"
    เอิ่ม นิสัยดีมากน้อง งั้นเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตาม

    หลังจากลากคุณยายที่ได้กลายมาเป็นพวกแบบเต็มใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ออกมาจากโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็พากันเดินทางต่อไป เพื่อไปแห่งหนตำบลใด ก็ไม่อาจจะทราบได้ ในพื้นที่หิมะขาวโพลนไปทั่วนั้นเอง ทั้งคู่ก็เห็นอะไรขาวๆ บางอย่างอยู่ไกลลิบๆ เอ้าวิ่งเข้า วิ่งไปดูว่า มันคืออะไรกันแน่
    "นี่มัน อ่างอาบน้ำ" โอ้ว อ่างอาบน้ำท่ามกลางหิมะ ใครหนอช่างกล้าหาญชาญชัยเสียนี่กระไร แล้วจู่ๆ มันก็โผล่ขึ้นมา
    "อุว๊ากกกกกก!" อาหนวดจิ๋มคนหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากก้นอ่าง กระโดดตีลังกาหนึ่งรอบ ลงอ่างอย่างสวยงาม น้ำอุ่นกระจาย ซ่านกระเซ็น ไอร้อนแผ่กระเจิดกระเจิง แสงแดดสองสว่างโดดเด่นเหมือส่องลงมาจากสรวงสวรรค์
    "เฮ้ยแม่หนูนี่" อาหนวดจิ๋มในอ่างอาบน้ำ (จริงๆ แกคงอาบแดดมาก่อน ตัวดำเป็นมะเขือเผาเชียว) มองมาทางเธอ อาเอานิ้วมาบี้รูจมูกเธอด้วยสีหน้าฟิน
    "รูจมูกใหญ่ๆ แบบนี้ขยี้มันดีจริง" ว่าแล้วอาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดพฤติกรรมก้าวร้าว ทันใดนั้นเอง
    "ผั๊ว!" ยายตัวประกอบ (เน้นนะครับว่าตัวประกอบ) ก็เอาผ้าใบเต๊นท์มาจากร้านขายของเล็กๆ ใกล้ๆ (มีด้วยเรอะ) แล้วยายก็พูดว่า
    "แกน่ะ เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า ทำไมทำตัวแบบนี้" ยายพูดด้วยสีหน้าฉุนเฉียว แล้วว่าต่อ
    "ทำไมไม่เอานิ้วล้วง*ูด ก่อนแล้วค่อยเอามาจิ้มจมูก" ทันทีที่สิ้นประโยคนี้ เธอก็ค่อยๆ บรรจงแสดงมารยาทอย่างเรียบร้อย บรรจงตีนฉันอันโตๆ ไปที่....... ข้อพับเข่ายาย (ผมรู้นะคุณแอบคิดโหดกว่านั้น)
    แต่...... แต่อนิจจา ยายล้มลงหัวไปฟาดกับฐานบันไดขึ้นอ่าง และที่ฐานบันไดนั่น มีโจทย์ปัญหากวนส้น*น แปะอยู่
    บนกระดาษ มีรูปควายโง่ๆ ตัวหนึ่ง และมีช่องคำพูดว่า
    "จงทำรูปนี้ให้เป็นกุ้ง"
    "ไอ*" เธอ พูดคำศัพท์ออกมาอย่างอัตโนมัติ ป้าชะโงกหน้ามาดูพอดี พร้อมกับหยิบจะดาษไปจากมือ พร้อมกับพูดว่า
    "เอ๊ บิ" แล้วกระดาษก็แคว่ก 
    "นั่นมันฉีกแล้ว ไม่ใช่บิ" แต่สิ่งที่โผล่ออกมาจากกระดาษที่ฉีก ก็คือ "กุ้ง" อย่าถามว่ามาไง คนแต่งก็งง สงสัยป้าแกเล่นกล
    หลังจากเล่นกล เอ้ย แก้ปริศนาได้แล้ว ก็มีกระดาษอีกใบแปะอยู่ที่หางกุ้ง เขียนว่า
    "อย่ากินกุ้ง" ทันทีที่น้องวาอ่านจบ เธอก็พบว่าป้าแกเสกกุ้งเข้าท้องเรียบร้อยแล้ว
    "บ้าาาาาาาา" สงสัยเธอจะบอกว่าป้าแต่พูดไม่ชัด
    และแล้วสิ่งซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น
    "ปุ้ง!" ผ้าอ้อมยี่ห้ออันๆ ที่ยายใส่อยู่ฟูฟ่อง และตุงขึ้นทันที พร้อมกับมีรังสีเหลืองแผ่ซ่าน ป้าแกก็ทำสีหน้าแบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก มันติดเป็นหนอกๆ อยู่ในกุงเกง
    "อี๋ อย่าเข้ามาใกล้นะ ไปไกลๆ" สิ้นคำ ป้าแกก็พุ่งไปไกลราว 100 เมตร เกือบถึงขอบหน้าผา
    "เฮ้ย ไม่ต้องไปไกลขนาดน้าน อันตรายยยย"
    ขณะที่ป้าแกกำลังจะกระโดดพุ่งหลาวลงไปนั้น ก็ประกฏชายหนุ่มรูปงามหน้าบูดเหมือนตูดลิงคนหนึ่งมาดึงตัวป้าไว้
    พอมองไปยังอีกฝากหนึ่งของหน้าผา ก็มีหมู่บ้านโคโนฮะ ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นรูปใบไม้ตั้งอยู่ และคนที่ช่วยป้าไว้ก็คือ
    "อุจิวะ ซาสุเกะ แกมาโผล่เรื่องนี้ได้ยังไง จะมาแย่งซีนงั้นเรอะ" หล่อนตะโกนออกไปเพราะกลัวหนุ่มบ้านล้อ (เนตรวงแหวน) 
    "ฉันแค่เป็นเหยี่ยวพเนจรที่บินผ่านทางมา" แล้วก็พลักป้าเป้าเหลืองมาทางวา "ดูแลป้าแกให้ดีล่ะ" แล้วเขาก็จากไปกับสายลมเหม็นโฉ่จากของเสียของป้า
    "อี นี่ก็กระเพาะมีปัญหาหรือไง เจอของกินนี่จับยัดเข้าปาก"
    ขณะที่วุ่นวายกับป้า เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าสภาพรอบตัวของเธอตอนนี้เป็นป่าไปหมดแล้ว ป้าเริ่มพุ่งตัวออกไปอีกครั้ง
    "แตงโมมมมม จะต้องไปให้ไกลแตงโม" ป้าเริ่มพูดอะไรพิลึกๆ อีกครั้งหนึ่ง ทิศทางตรงกันข้ามกับที่ป้าวิ่ง มีแตงโมเต็มไปหมด
    จะวิ่งหนีทำไมแตงโม? แตกโมระเบิดดังโพละ มีผลมันฝรั่งมากมายกระจายออกมา และทันทีที่ผลมันฝรั่งกระทบพื้น
    "บรึ๊ม!!!!" พื้นระเบิดและกลายเป็นช๊อคโกแลต
    "เย้ย ระเบิดมันฝรั่งตราโกโก้ครันช์" จะชื่อยาวไปไหน ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เธอเร่งสปีดติดตีนหมาตามคุณยายไปติดๆ แต่ด้วยแรงระเบิดส่งกันต่อเนื่องของระเบิดมันฯ ทำให้มีระเบิดมันฯ กระเด็นมาเยื้องเบื้องหน้าเธอไปประมาณ 10 เมตร และ
    "หวี่ๆๆๆๆ" อ้าว ทำไม พอมองดูระเบิดมันฯ กระจายออกกลายเป็นฝูงยุงพุ่งเข้าหาเธอ
    "ฮู่ ฮ่าห์ อึ๊บ โย่ว อะจ๊าก ว๊าก" เธอออกเสียงแอคชั่นพร้อมกับตบยุงตายคามือไปหลายตัว

    หลังจากวิ่งไปราวครึ่งช.ม. จนพ้นรัศมีชองระเบิดมันฯ มาได้แล้ว เธอก็รู้สึกหิวอาหารและหิวน้ำมาก ส่วนคุณยายน่ะเหรอ แกหายไปตอมท้องเรื่อง
    "โอย หิวจัง ไม่มีของกินมั่งหรือแถวๆ นี้ แค่น้ำดื่มก็ยังดี" เธอเอามือลูบท้องพร้อมล้มตัวลงไปกับพื้น ทันใดนั้น จมูกของเธอก็ได้กลิ่นอันคุ้นเคย
    "ซู๊ดดดด" และได้ยินเสียงคนดูดเส้นอะไรบางอย่าง
    "นี่มันกลิ่นขี้คุณยาย หรือว่า" เธอลุกเดินไปยังที่มาของเสียง (และที่มาของกลิ่น) เธอเห็นคุณยายกำลังนั่งซดมาม่าในชาม และข้างๆ ยายก็มีชามเปล่าอีกนับ 10 ใบ กับชามที่มีมาม่าอีกสองสามใบ
    "ยาย มันกินได้เหรอนั่น" แม้เธอจะรู้สึกระแวงกับมาม่ากลางป่ามาก แต่ท่าทางที่กินอย่างไม่เดือดร้อนอะไรของยาย (และชามเปล่านับสิบ) ก็ทำให้เธอคิดว่า
    "มันคงเป็นมาม่าจริงๆ" ว่าแล้วเธอก็หยิบชามสุดท้าย ก่อนที่ยายจะทันคว้าพอดี

    หลังจากเติมพลังให้ตัวเองเสร็จ สาวน้อยตีนหนัก จึงหันมาถามยายว่า "ยายเจอมาม่าขนาดนี้ในป่าได้ยังไง"
    ยายชี้นิ้วไป ตรงนั้นเองมีทุ่งข้าวสาลี แต่ไม่มีโกโก้ครันช์ ที่นานั้น เห็นเงาคนก้มๆ เงยๆ เหมือนหารูปูอยู่
    "แฮ่ะ มันก็ต้องมีคนเอามาให้อยู่เลี้ยว" เสียงผู้ชายตอบกลับมา "มาม่าที่อาม่าและหลานอาม่ากิน ก็มาจากตัวข้า ที่ออกล่า แล้วเอามาทำให้เป็นผลผลิตในที่นาของข้า นาที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ในการใช้ปุ๋ยจากศพมนุษย์ ว่าแล้วก็มาเป็นปุ๋ยให้นาข้าวของข้าเสียดีๆ" และแล้วคุณชาวนาก็ยกอุปกรณ์ขึ้นมา
    "บรื้นๆๆ โอ้ววววว" และวิ่งเข้าใส่ทั้งคู่ด้วยเลื่อยไฟฟ้าอันใหญ่ในสองมือ
    "วิ่งงงงงงงงง"เธอตะโกนสุดเสียง พร้อมกับหันหลังเตรียมวิ่ง เธอมองเห็นยายอยู่ไกลลิบๆ (ตลอดอ่ะยาย)
    "ดูข้าสิ ดูข้านี่ วะฮ่าๆ" ลุงชาวนาวิ่งไล่ให้ดู (ให้ดูอะไร?) พร้อมตะโกนด้วยเสียงชวนผวา
    เธอวิ่งฝ่าป่าไปอย่างไม่คิดชีวิต เธอวิ่งไป วิ่งเข้าทาเคชิ วิ่งไปให้ถึงวิหาร
    "วิหารที่ไหนกันล่ะว้อยยย" เธอหันหน้ามาถามผู้แต่ง
    วิหารตรงหน้าเธอเนี่ย อ๊ะ ระวัง
    "ปั๊ก" ดั้งและหน้าผากของเธอกระทบเข้ากับเสาอย่างเหมาะมุม สายน้ำสีแดงลอยละล่อง สาดกระเซ็นไปเข้าตาลุงชาวนา
    "อ๊าก ตาข้า" แกดิ้นบิดตัวไปมา จนเดินลงไปไหนหลุมทรายดูด
    "ม่ายยยยย ข้ามีบทแค่นี้เองเรอะ" ลุงค่อยๆ จมลงไป ชูมือสองนิ้วก่อนหายไป
    ยายที่เปลี่ยนชุด ใส่บิกินี่ พร้อมแว่นกันแดดนอนบนเก้าอี้ผ้าใบรออยู่ในวิหาร มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และก็กล่าวว่า
    "สบายกู" ความเงียบเข้าปกคลุม ลมหวีดหวิวพัดผ่านทะเลทราย
    "เราต้องกลับไปทาสีนาข้าวให้เป็นสีแดง" ยายเลิกแว่นตาขึ้น
    เธอ วาตาชิด อยากจะเถียงยายกลับไปสักคำ แต่เธอก็เจ็บมากจนพูดไม่ออก แต่ว่า
    "ทำไมไม่ไปทาสีอ่าว (bay) ซะเลยล่ะ เอาสีขาวดำแบบโมโนโทนเป็นไง" เสียงปริศนาดังก้องกังวานมาจากในวิหารด้านบน
    สิ่งที่ปรากฏแก่สายตา คือชาวเผ่าสักเผ่า ใส่หน้ากากรูปร่างประหลาด ในมือถือไม้เรียวอยู่หนึ่งอัน อีกมือถือของกิน
    "อ้าเอ็นไอ ไออำอะไออู่อนอั้น" ไม่มีใครฟังเธอออก แต่ผมเข้าใจ ชายในหน้ากาก พุ่งไม้เรียวออกมาด้วยความเร็วราวกับลูกธนูออกจากคันสร
    "เอาไม้นี่ ขยี้ๆ แล้วแปะที่แผลซะ วัตถุดิบที่ใส่ในไม้เรียวนี่มันเป็นยารักษาแผลชั้นยอดเลยเชียวล่ะ"


โปรดติดตามตอนต่อไป

浴びる อาบิรุ      ก. อาบ (น้ำ แดด)
売店  ไบเต็น    น. ร้านขายของเล็กๆ ซุ้มขายของ
ちゃんとชันโตะ    ว. อย่างเรียบร้อยไม่ผิดพลาด
題   ได          น. หัวข้อ โจทย์
台   ได          น. แท่น ฐาน
絵   เอะ         น. รูปวาด
エビ        เอบิ         น. กุ้ง
不安  ฟุอัน       น.ค. กังวลใจ ไม่สงบ
害   ไก          น. โทษภัย อันตราย ผลเสีย ความเสียหาย
葉   ฮะ          น. ใบไม้
胃   อิ            น. กระเพาะอาหาร
じゃがいも  จาไกโมะ      น. มันฝรั่ง
蚊   คา          น. ยุง
真   มา          อุป. จริง แท้ จริงๆ
名   นา          น. ชื่อ ชื่อเสียง ชื่อเรื่อง
大            โอ          อุป. ใหญ่ มาก รุนแรง หนักหนา ดัง
礼拝堂 ไรไฮโด  น. วิหาร   
砂漠  ซาบากุ   น. ทะเลทราย
家   อุชิ, อิเยะ          น. บ้าน ทางบ้าน
輪   วะ           น. วง ห่วง ล้อ
田   ทา          น. นาข้าว
矢   ยา           น. ลูกศร ลูกธนู ลูกดอก ลิ่ม
材料  ไซเรียว   น. วัตถุดิบ เครื่องปรุง

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ภาษาจีนกันสักนิด

    จริงๆ แต่ดั้งแต่เดิม ผมเรียนภาษาจีนด้วยตนเองมาสักพักแล้ว แต่หยุดไปเพราะหลงลืม และสนใจภาษาญี่ปุ่นมากกว่า วันนี้เลยถือโอกาสปัดฝุ่น ทบทวนกันสักนิด
    วิธีที่วันนี้ผมจะเป็นประโยคแปลกๆ ลองดูละกันครับ (วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย เหมาะกับเราแบบไหนก็ใช้แบบนั้นล่ะ)
    คำอ่าน
    หว้าๆ    วาดรูปชิว้าว่า
    ผิงฉี๋     ยื่นฉี่ข้างเตาผิงเป็นเรื่องปกติ
    4ฮวน   ชอบกินตือฮวน 4 ชิ้น
    ฉางๆ    ตีฉาบดังเป็นประจำ (บ่อยๆ)
    เที่ยวอู๋  ชอบไปเที่ยวเต้นที่อู่ซ่อมรถ
    เสี่ยง    คนไทยมักอยากเล่น
    อี้จื๋อ     แอบชอบอาจื่อมาตลอด
    เหม่ยเทียน เจออาเหม่ยทุกวัน
    โจวมั่ว  มามั่วสุมกันเสาร์อาทิตย์ (สุดสัปดาห์)
    ช่าง      ชอบร้องเพลง
    เก(ล)อ  ก็เพลง

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ในห้องที่มีหิมะโปรยปราย

    มีคนบอกว่าผิดเยอะเลยล่ะ แต่ก็เอาเถอะ จะถูกหรือผิด มันก็เป็นการเรียนรู้ทั้งนั้น แต่คราวหน้า จะเอาแต่ที่ชัวร์แล้วละกัน อ่ะเริ่มกันเลย

    วันหนึ่งยามที่ท้องฟ้ามืดมิด ไม่มีแม้หมู่มวลเมฆหมอก และแสงดาว (โฮชิ) หรือเงาจันทร์ (ทสึคิ) แต่สิ่งนั้นเท่านั้น ที่สว่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
    มันไม่ได้ส่องแสงในตัวเองหรอก แต่สิ่งนั้น สามารถมองได้ชัดเจน เฉกเช่นเหมือนเห็นมันอยู่ยามต้องแสงดวงอาทิตย์ (โอชิซามะ) มันคือเก้าอี้อิฐตัวหนึ่ง เก้าอี้ตัวนี้ ดูแล้วเหมือนบังลังก์มากกว่า ด้วยความเก่าแก่ มีร่องรอยสึกกร่อนมากมาย แต่สีที่ดูแดงฉ่ำ ดังอิฐมอญ ก็ได้ดึงดูดฉันเข้าไป มือของฉัน ค่อยๆ เอื้อมไปที่เก้าอี้ตัวนั้น แม้แต่ร่างกายของฉัน ก็ยังถูกความมืดกลืนกิน มองไม่เห็นแม้แต่เงาแขนที่ขวางภาพของเก้าอี้อิฐสึก
    ในทันที ที่นิ้วของฉัน สัมผัสถึงเก้าอี้ สึกพิลึกพิลั่นก็เกิดขึ้น ฉับพลันโดยรอบก็สว่างขึ้นมาทันใดด้วยความเร็วเพียงกระพริบตาเท่านั้น ฉันอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง ห้องใหญ่ และกว้างสุดลูกหูลูกตา พื้นสว่างเป็นสีขาว เพดานแบนเรียบสีดำมืดมิด ขอบของกำแพงยาวจนแสงส่องไปไม่ถึง อากาศเย็นยะเยือกสัมผัสผิวกาย พอมองดูตัวเองก็พบว่าอยู่ในชุดเดิมอันคุ้นเคย หิมะเริ่มร่วงโปรยปรายมาจากเพดานห้อง
    พอลองเดินไปรอบๆ ก็เห็นต้นไม้เล็กใหญ่ที่เหี่ยวแห้ง เหลือแต่กิ่ง พอหันกลับทางที่เดินมา เก้าอี้หายไปแล้ว แต่มีโต๊ะแทน โต๊ะไม้เก่าๆ สึกๆ ขาตั้งเป็นซี่ๆ เหมือนลูกกรงคุก เอ๊ะ! หรือจริงๆ แล้ว มันเป็นกรงมากกว่า
    ภายในโต๊ะ หรือจะบอกว่าใต้โต๊ะดี มียายแก่คนหนึ่งท่าทางเศร้าๆ หน้าตาอมทุกข์ นั่งคุดคู้อยู่ริมขาโต๊ะสึกๆ ด้วยความรู้สึกสงสัย ฉันจึงเดินเข้าไปหา เห็นในมือยาย กำกระดาษอะไรอยู่ในมือ
    "ยายคะ ยายเป็นใคร ทำไมมาอยู่ในนี้" ยายมองมาทางฉันด้วยแววตาที่ใสเหมือนเด็กแล้วตอบว่า
    "ยายชื่อ มินิ" พอมองดูดีๆ สิ่งที่ยายกำอยู่ในมือ คือกระดาษของสมุดจด ซึ่งมีอะไรเขียนอยู่มากมาย
    "หนูขอดูกระดาษที่ยายถืออยู่ได้ไหม" คุณยายทำท่าลังเลครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงโชว์กระดาษให้ดู แต่ว่า
    "อี๋!!!" มันเหม็นมาก แต่ฉันก็กลั้นใจ หยิบกระดาษพวกนั้น และมองดูให้ดีๆ ว่ามันเขียนว่าอะไร แล้วฉันก็ต้องประหลาดใจมาก
    "ขาโต๊ะพังด้านหนึ่ง เอาไว้ใช้หลบหิมะได้นะจ๊ะ" หรือก็คือ
    จริงๆ คุณยายไม่ได้โดนขัง แต่แกเข้าไปนั่งเล่นใต้โต๊ะเอง
    "ชีวิตยายน่าสงสารมากเลยนะจ๊ะ หนูอยากฟังไหมล่ะ" ยายพูดหลังจากเลื้อยมาจากใต้โต๊ะ แต่ในขณะที่พูดนั้น หน้าตาแกดูเซย(เฉย)เมยมาก ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรยายก็พูดต่อ
    "ชีวิตของยายอ่ะ ดิ้นรน ผ่านการต่อสู้มาเยอะ สมัยก่อนนะ มีดสปาต้าไม่ได้กินยายหรอก เพราะยายพกลูกตะกั่ว" ยายพูดไปพร้อมกับซบลงบนโต๊ะอันเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง "เออ หนูก็หน้าตาดูฉลาดดีนะ หนูมีริโคล่าไหม"
    "ห๋า?" ฉันงงมากกับคำถามของคุณยาย
    "อ้าว นึกว่าฉลาด ที่แท้ก็โง่ ลูกอมไง ลูกอม ไอ้ที่โฆษณามันร้องว่าริโคล่าน่ะ"

    เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อ เดี๋ยวมาเล่าต่อคราวหลัง
    ผมตัดสินใจแล้ว ว่าจะแต่งต่อให้มันเป็นเรื่องราวเดียวกันยาวๆ ไปเลย
    แล้วพบกันใหม่ครับ






    椅子 อิซึ        แปลว่า   เก้าอี้ (อิฐสึก)
    広い ฮิโรย     แปลว่า    กว้าง
    机  ซึคุเอะ   แปลว่า   โต๊ะ
    苦痛 คุทซึ      แปลว่า   ความทุกข์
    紙  คะมิ       แปลว่า    กระดาษ
    โชเมน   แปลว่า   สมุด
    生命 เซยเมย แปลว่า   ชีวิต
    โซโตะ   แปลว่า   การต่อสู้
    理粉 ริโคนะ   แปลว่า    ฉลาด