Ads

(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตัวอย่างการใช้งานจริง ภาษาญี่ปุ่น

    พูดมาตั้งหลายรอบ อธิบายมาก็ตั้งหลายหน แต่ก็ไม่มีตัวอย่างจริงๆ ชัดๆ ให้ดูเสียที เลยตัดสินใจว่าจะเขียนบทนี้ขึ้นมา ซึ่งกระผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า อันนี้เป็นตัวอย่างภาษาญี่ปุ่น ฉะนั้นตัวที่ใช้กระตุ้นเพื่อเรียกความทรงจำ มักจะเป็นตัวละครจากการ์ตูนญี่ปุ่น
    จริงๆ ก็แล้วแต่ถนัดของแต่ละคนล่ะนะครับ ลายเส้นอาจจะไม่สวยหรู ก็ไม่ว่ากันนะ
    ดูรูปนี้ก่อน ให้เวลานึก และลองเดาเล่นๆ ดู รู้จักตัวละครเหล่านี้กันหรือเปล่า

    ตัวละครตัวนี้ คือ “บรูค” คุณโครงกระดูกจากกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง (One Piece) เมื่อก่อน บรูคจะร้องเพลงเกี่ยวกับเหล้า “โยโฮๆๆ ....” เราก็เอาเพลงนี้มาแปลงเป็น “โอโย” ส่วน “กุ” มาจากเสียงผีหลอก “กุ๊กๆ กู๋” แล้วผมก็วาดภาพให้บรูคใส่ชุดว่ายน้ำ จมอยู่ในน้ำครึ่งท่อน
    “โอโยกุ” แปลว่า “ว่ายน้ำ” ประโยคเต็มๆ คือ “โอโยกุ โคโตะ กะ เดคิมาซุ” (อิงจากหนังสือ 3 วินาทีประโยคภาษาญี่ปุ่น ของ อ.ฟูจิ)
    ซึ่งแปลว่า “สามารถว่ายน้ำได้” (โคโตะ ผมใช้ตัวละครจากเกมตัวหนึ่งมาช่วยจำ ส่วนเดคิมาซุ ก็ดูคล้ายๆ เดคิซูงิ จากเรื่องโดเรมอน ซึ่งเก่งทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง)

    "แล้วถ้าคนที่วาดรูปไม่เป็นล่ะทำยังไง" คือจริงๆ ไม่ต้องวาดรูปก็ได้ครับ แค่วาดภาพจดจำไว้ในหัวก็พอแล้ว เพียงแต่ว่า การทำเป็นหลักฐานที่เห็นได้ จับต้องได้ จะช่วยกระตุ้นให้จำได้มากกว่า และง่ายต่อการทบทวนซ้ำ แทนที่จะมาไล่นึกย้อนหลัง เพราะข้อมูลที่จดจำ บางครั้งมีปริมาณเยอะ แถมยังไม่ได้จัดหมวดหมู่อีกต่างหาก

    ตัวละครถัดมา ถ้าใครดูไม่ออก แสดงว่าไม่ค่อยได้เล่นเกมต่อสู้ เขาผู้นี้ คือ “ริว” จากเกมดังระดับตำนาน “สตรีทไฟเตอร์” นี่เอง ในภาพ ดูท่าทางเฮียแกกำลังครุ่นคิดอยู่หน้ากระทะใช่ไหมครับ ที่ให้ท่านี้เพราะว่า คำนี่ออกเสียงว่า “เรียวริ” ชื่อพี่แกจะเพี้ยนไปหน่อย ส่วน “ริ” มาจากริเริ่ม หรือคิดนี่เอง ส่วนคำว่า “ซุคุรุ” ที่เขียนเพิ่มไว้ มักใช้กับหลายคำ เช่น เล่นเกม (เกมุโอะซุรุ) ตีกอล์ฟ (โกรุฟุโอะซุรุ) ซึ่งคำนี้ผมจำไว้ต่างหาก เพราะมันใช้หลายตัว แต่ทำอาหาร มีคำว่า “คุ” ซึ่งจะใช้ภาพ “คุก” ก็ได้ (ซึ่งไอ้ตัว “คุ” นี่ ผมจับเข้า “คุก” หลายภาพเลยล่ะ)
    “เรียวริ โอะ ซุคุรุ” (ลืมบอกไป โอะ เป็นคำเชื่อมคำหนึ่ง ใช้บ่อยๆ อยู่ บางครั้ง ผมจะวาดตัววงกลม เป็นตัวย้ำว่ามีการใช้ แต่บางคำ ใช้คำอื่นเป็นตัวเชื่อม) แปลว่า “ทำอาหาร” ประโยคเต็มคือ “เรียวริ โอะ ซุคุรุ โคโตะ กะ เดคิมาซุ” ซึ่งแปลว่า “สามารถทำอาหารได้”
    ผมก็ไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นเป็นพิเศษอะไรนะครับ ถ้าผิดพลาด หรือไม่ใช่ยังไง ก็ชี้แจงด้วย จะได้แก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสม
    เอ้า! มาต่อกันเลยดีกว่า
    ถ้าดูรูปนี้ดีๆ จะเห็นรูปอีกา สีดำๆ (มองให้เป็นอีกานะ) แล้วก็คำว่า “อาริมาซุ” และ “อิมาซุ” (ซึ่งผมสร้างภาพไม่ออกจริงๆ) และเส้นแบ่งสีดำข้างบน
    อันนี้คือหมวดว่าด้วยคำว่า “มี” โดย “อาริมาซุ” ใช้กับสิ่งไม่มีชีวิต และ “อิมาซุ” ใช้กับสิ่งมีชีวิต (แต่เหมือนจะมีข้อยกเว้นบางกรณี)
    ในรูป มีคนถือ “เคียว” และเด็ก 2 คน “ได” แปลว่า 2 เป็นภาษาทางวิทยาศาสตร์ (ถ้าผมจำไม่ผิด) “เคียวได”
    “เคียวได กะ (กา) อิมาซุ” แปลว่า “ฉันมีพี่น้อง”
    ต่อมมา จะยกตัวอย่างที่เดียวสามประโยครวด ว่าด้วยความ “ถนัด” 
    เริ่มจากคำหลัก ดูแถบบนก่อน No ปิกาจู “กะ” คนโทรศัพท์ “โทคุย” “Desu จำไว้ว่ามันโทรฯคุยนานมาก มันถนัดคุยโทรศัพท์ ส่วน “โนกะ” จำเป็น ปิกาจู ตะโกนว่า No ก็ได้
    อันแรกจากซ้ายสุด “เอะ โอ คาคุ โนกะ โทคุย เดซุ” แปลว่า “ถนัดวาดรูป” (หมอนั่น คือ “คาคุซึ” หนึ่งในแสงอุษา จากเรื่อง นารุโตะนี่เอง)
    “ชาชิน โอะ โทรุ โนกะ โทคุย เดซุ” แปลว่า “ถนัดถ่ายรูป” (มีปัญหา กับการลืมชินมาก เลยเขียนย้ำไปว่า “ชาชิน” หรือจำว่า เย็นชืดก็ได้ รอจอชินละ ตัว “โอะ” ตอนแรกวาดไว้ แต่จำไม่ได้ จึงย้ำด้วยสีแดง ให้รู้ชัดๆ ว่า มันมีความหมาย เป็นคำเชื่อมด้วย และสุดท้าย “คาซาม่า โทรุ” จากเรื่อง ชินจัง)
    ส่วนคำสุดท้าย “ไทโกะ โอะ ฮานะซุ โนกะ โทคุย เดซุ” แปลว่า “ถนัด พูด ภาษาไทย” (ตัวนี้ ซ่อมหลายมาหลายครั้งมาก อย่างที่เคยอธิบายไปแล้วว่า ถ้าเชื่อมโยงไม่แข็งแรงพอ จะนึกไม่ออก ตอนแรก จำคำว่า “ไท” (ไทย) ได้ตัวเดียว แต่อีกคำ โกะ  หรือ โนะ นี่จำไม่ได้ จึงวาดรูปกลอง ซึ่งมาจากเกมกลอง “ไทโกะ” แล้วก็ตัวโอ ซึ่งลืมบ่อยๆ เหมือนกัน จะเห็นการซ่อมในรูปด้านล่าง ส่วนดอกไม้ คือ “ฮานะ” ในภาษาญี่ปุ่น ถือถ้วยซุป “ซุ”)

    ไมน์แมพ (mind map) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีและช่วยในการจำและทบทวนครับ แต่ถ้าผมเอาภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดมาเขียนเป็นแผนที่ มันจะไม่พอเอา ฉะนั้น ก็จะต้องทำไมน์แมพย่อยๆ แยกออกมาเยอะๆ ยิ่งทำตามหัวข้อยิ่งดี แต่กระผมศึกษาแบบไม่ค่อยมีไกด์ไลน์นี่สิ เลยยังไม่รู้จะแบ่งเป็นหมวดยังไงดี
    รอบหลังจากนี้ จะหาตัวอย่างข้อมูลในหนังสือ มาทำเป็นไมน์แมพ ให้ดูละกัน

    แล้วพบกันใหม่นะครับ

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีการจดจำไพ่ และการจำโดยวิธีเดินทาง

    ก่อนอื่น ขอกล่าวขอโทษด้วยครับที่หายไปนาน เพราะพึ่งรู้ตัวว่า กดอัพบล็อคแล้วไม่ได้เช็คว่า มันอัพแล้วจริงหรือเปล่า สรุปคือ ว่างเปล่า เหอะๆๆ

    เอาล่ะจะมากล่าวถึงวิธีการจดจำไพ่ แต่ผมอยากให้ดูคลิปสั้นๆ คลิปหนึ่งก่อน แล้วเราจะมาคุยกัน
ภาพ Low Quality อย่างแรง

    วิธีการจำแบบนี้ มีขึ้นมานานมากแล้ว ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ตามตำนานเล่าว่า กวีกรีกคนหนึ่งที่ชื่อ “ซิโมนิเดส” ต้องออกมานอกกลางฉลองในพระราชวังกลางคัน เพื่อมาพบกับชายสองคนด้านนอก แต่เมื่อออกมาเขากลับไม่พบใคร ทันใดนั้นก่อนที่เขาจะได้กลับเข้าไป ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ความสั่นสะเทือนรุนแรงเสียจนทำให้พระราชวังถล่มลงมา แขกทุกคนในงานเสียชีวิต ซิโมนิเดส เลยต้องมาระบุตัวผู้ตายที่มาร่วมงานโดยวิธีการนึกถึงตำแหน่งของแขกต่างๆ ที่อยู่ภายในงานนั่นเอง ระบบนี้ ที่มีชื่อว่า “โลไซ” (แปลว่าตำแหน่ง) จึงเกิดขึ้น
    ในนิทานต่างๆ ที่คนเล่าต่อๆ กันมาอย่างยาวนาน ในสมัยที่ยังไม่มีการจดบันทึกก็เช่นกัน เนื้อเรื่อง กับเหตุการณ์ต่างๆ มันจะผูกกับฉาก และสถานที่เสมอๆ

    โอเค กลับมาเรื่องของไพ่กันต่อ แต่ก่อนเข้าประเด็นขอถามคำถามเกี่ยวกับคลิปแรกนิดหนึ่ง คำถามมีอยู่ว่า
    ในคลิป คุณสังเกตสิ่งใดบ้าง?
    ยากไปไหม ผมบอกละกันว่า ในคลิป จะมีจุดที่ เหมือนเราจะหยุดมองอยู่ ประมาณ 10 จุด อันได้แก่
    เตียงชั้นบน        ฟูกด้านล่างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส        ฟูกข้างๆ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า        ตู้กระจก        ประตูไม้
    ตู้ติดหน้าต่างที่กองเสื้อผ้าไว้        เก้าอี้ออกกำลังกายที่วางผ้าไว้ (อีกแล้ว รกเนอะ)    ตู้ไม้สีเข้ม    ราวตากผ้า
    และ ประตูห้องน้ำ

    ตำแหน่งเหล่านี้ คือตำแหน่งที่ผมใช้งานจริงครับ ในการจดจำไพ่ แต่ว่า แม้เราจะมีตำแหน่งขนาดนี้ เราก็ยังไม่สามารถจำไพ่ได้อยู่ดี อีกสิ่งที่ต้องมีคือ “รหัสประจำไพ่” ครับ  
    ถ้าถามว่าทำไมต้องมีรหัส คำตอบคือ มันจะช่วยให้คุณจดจำง่ายขึ้น และไม่สับสน ไพ่สำรับหนึ่ง มี 52 ใบ 4 ดอก ดอกละ 13 ใบ นั่นหมายความว่า ทุกใบในกอง เป็นใบที่มีเลขซ้ำกัน ผมก็ยังไม่เคยลองแบบจำไพ่เป็นไพ่นะ แต่คิดว่าก็คงสับสนไม่น้อย
    รหัสที่ว่าคือ สัญลักษณ์ สิ่งของ บุคคล หรือตัวละครใดๆ ก็ตาม ที่คุณมองเห็นไพ่ใบนี้แล้วนึกออก หรือคุณจะคิดรหัสมาหมดโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับไพ่เลยก็ได้ แต่มันจะใช้เวลาจำ และเวลานึก ค่อนข้างนานเลยทีเดียว
    ผมมีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการใส่รหัส คือ ดอกแต่ละดอก มีความหมายคือ

    โพธิ์ดำ (ดาบ)              หมายถึง    ความตาย
    โพธิ์แดง (หัวใจ)           หมายถึง    ความรัก
    ข้าวหลามตัด (สีแดง)   หมายถึง    ความมั่งคั่ง
    ดอกจิก (สีดำ)              หมายถึง   ความเฉลียวฉลาด

    เลขแต่ละตัวก็มีความหมายนะครับ แต่ผมขอละไว้ละกัน ตัวอย่างไพ่ของผม เดี๋ยวจะแทรกอธิบายไว้ในวิธีนะครับ

    เมื่อได้รหัสสำหรับไพ่เรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมสำหรับการทดลองจำไพ่ ผมแนะนำว่า เริ่มจากทีละดอก หรือไม่กี่ใบก่อนก็ได้ เพราะมันจะนาน และอาจทำให้เบื่อไปก่อน ล่าสุดที่ผมลองจับเวลา ผมยังใช้เวลาประมาณ 7 นาที ในการจำสำรับเดียว
    ภาพแรกในคลิป ผมมองที่ปลายเท้าตัวเอง จู่ๆ ก็มีหอกแทงทะลุไม้ออกมา (4 โพธิ์ดำ หอกรูปร่างมันแหลมๆ และช่วงแรกๆ หอกของผมมักจะแทงออกมา 4 มุม) ที่ปลายหอก มีเบ็ดตกปลาติดมาด้วย (J ดอกจิก กอร์น ฟรีค (ตัวการ์ตูนจากเรื่อง ฮันเตอร์xฮันเตอร์ ช่วงแรกๆ ในเนื้อเรื่อง มีเบ็ดตกปลาเป็นอาวุธ คล้ายตัว J) พอมองลงไปข้างล่าง ผมก็เห็นพระราชา กำลังออกกำลังกายอยู่บนโต๊ะ แถมยังตั้งอยู่บนฟูกเสียนี่ (K ข้าวหลามตัด และ 4 ดอกจิก โต๊ะเรียนทำให้ฉลาด และมักมี 4 ขา) ผมลงมาข้างล่าง ฟูกข้างหน้าต่าง มีซาคิวปัส นอนเล่นหลอดไฟอยู่ (6 โพธิ์แดง ปีศาจสาว ที่มักทำให้เกิดฝันแนวลามก และสูบพลังชีวิต 2 ดอกจิก เลขมันโค้งๆ เหมือนหลอดไฟ เวลาคิดอะไรออก)พอไปที่หน้ากระจกมีขวดเหล้าดองตั้งอยู่ ข้างในมีหัวใจด้วย ( 8 ข้าวหลามตัด คล้ายน้ำเต้าที่ให้โชคลาภ แต่หนังจีนมักเอามาใส่เหล้า 3 โพธิ์แดง ก็หัวใจตรงๆ เลยนั่นล่ะ)
    ผมว่าเอาแค่นี้ก็พอ เพราะเดี๋ยวบทความมันจะยาวมากกว่านี้ ที่เหลือก็วางรหัสไพ่ ในตำแหน่งไปเรื่อยๆ ตัวละครมีปฏิสัมพันธ์กับคุณก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้นึกง่าย

    หลักๆ ก็มีวิธีแค่นี้เองครับ ที่เหลืออยู่ที่การฝึกฝนเท่านั้นเอง ก่อนไป ผมมีคลิปอีกอัน อธิบายย่อๆ เพื่อใครขี้เกียจอ่าน หรือฟังอธิบายอีกที

    สงสัยให้คอมเมนต์ ชอบกดไลค์ อยากรู้เพิ่มเติมกดsubscribe แล้วพบกันใหม่ครับ


วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

มาผจญภัยกันดีกว่า #2

    ขณะที่กำลังพิมพ์ภาคต่อนี้ ผมก็กำลังอยู่บนรถไฟที่โยกเยกอยู่ หวังว่า มือถือผมคงไม่ตกพื้นดังแป่ก! นะ
    หลังจากที่มาพักตากแอร์กันหน้า 7-11 คุณรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ จึงลุกขึ้น และเริ่มมองไปรอบๆ
    ในบรรดาป้ายโฆษณาสีขาวดำ ที่แปะไว้เต็มกระจกของ 7-11 คุณก็สะดุดกับโพสต์เตอร์แผ่นหนึ่งแผ่นเดียวที่มีสีสัน
    โพสต์เตอร์ใบนั้นมีสีขาวดำเช่นกัน ส่วนที่มีสี มีเฉพาะรูปภาพที่เป็นรูปถ่ายเท่านั้น
    มันคือใบประกาศจับ และรูปในใบประกาศจับนั้น ก็ทำให้คุณรู้สึกแปลกใจ อย่างงมาก
    มันคือรูปของตัวตลกคนหนึ่ง มีใบหน้าสีขาว มีผมหยิกๆ สีแดง คิ้วก็สีแดง และรายละเอียดในใบประกาศจับนั้น ระบุความผิดไว้ว่า
    "แสดงการรื่นเริงในช่วงการไว้อาลัย"
    คุณก็เข้าใจนะ ว่าเขาเป็นตัวตลก ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องทำตัวรื่นเริง จึงรู้สึกสงสารเขานิดๆ
    คุณลุกขึ้นยืน และมองไปรอบๆ เพื่อหาห้องน้ำ ทันทีที่เห็นป้ายเครื่องหมายรูปผู้ชายและผู้หญิง คุณก็เดินตรงไปทางนั้นทันที
    ห้องน้ำสะอาดมาก ทุกสิ่งเป็นสีขาว และมีเครื่องปรับอากาศด้วย สิ่งที่ไม่ได้เป็นสีขาว คือพวกโลหะจำพวกก๊อกและท่อในห้องน้ำเท่านั้น
    ขณะที่ล้างมีอยู่ คุณก็สังเกตว่ามีคนล้างมืออยู่ข้างๆ ทันทีที่หันไปมอง คุณก็พบกับ
    "ตัวตลก" ที่อยู่ในใบประกาศจับ
    และบังเอิญเหลือเกิน ที่คุณกับตัวตลกนั่น ล้างมือเสร็จพร้อมกันพอดี คุณทั้งคู่ เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกัน และเป็นเรื่องบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ ที่เจอตำรวจ 2 คน อยู่ด้านนอกพอดี

    ตำรวจมองมาทางพวกคุณทั้งสอง วิ่งรี่ตรงเข้ามา และตะโกนว่า "หยุดนะ ทั้งสองคน นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"
    ด้วยความตกใจ ทั้งคุณและตัวตลก ก็ได้วิ่งหนีไปทางเดียวกัน ไปหาเป็ดของคุณ ตำรวจก็วอวิทยุ และขอกำลังเสริม เพื่อจะล้อมจับคุณ
    คุณมาถึงเป็ด พร้อมกับตัวตลก กระโดดขึ้นเป็ดไปด้วยกัน และบินออกไปทันที ตอนนี้คุณโดนสรุปเป็นผู้ร่วมสมคบคิดเรียบร้อยเสียแล้ว

    เป็ด ได้พาตัวตลกกับคุณเดินทางไปไกลแสนไกล พอมองลงไปข้างล่างอีกที ก็มองเห็นแต่ผืนน้ำอันกว้างไกล ท้องฟ้า ก็มีแต่ความมืดครึ้ม เหมือนจะมีพายุก็ไม่ปาน ไม่นานฝนก็เริ่มลงเม็ด ตัวตลกที่นั่งอยู่ข้างหลังคุณก็มุดเข้าไปหลบฝนในเสื้อของคุณ ด้วยน้ำหนักของทั้งสองคน เป็นจึงค่อยๆ บิน ต่ำลงๆ พลันคุณก็เห็นเรือใบลำใหญ่แบบเก่าลำหนึ่ง จึงให้เป็ดบินตรงไปยังเรือลำนั้น
    เรือใบลำใหญ่ ดูเก่าซ่อมซ่อ ใบเรือก็ขาดวิ่น ทันทีที่คุณมาถึงเรือ ไม้กระดานก็สงเสียงดังออดแอด ตามแรงเหยียบ คุณรีบวิ่งตรงไปที่ประตูเคบิน โชคดี ที่มันไม่ได้ล็อค ทั้งสาม ได้เข้าไปในห้อง และปิดประตู ในห้องมืดสนิท คุณหยิบมือถือที่อยู่ในกระเป๋า และกดปุ่มเปิดหน้าจอ ทันไดนั้น ห้องก็สว่างไสว

    ภายในห้อง เต็มไปด้วยสีชมพู ทั้งเก้าอี้ โต๊ะ ตุ๊กตาหมี ริบบิ้น เตียง ผ้าห่ม หมอน และหมอนข้าง
    พอหันมองไปด้านหลัง ก็เห็นประตูไม้ สีชมพูเข้มหนี่งบาน รูปร่างต่างกับประตูที่เพิ่งเปิดเข้ามาอย่างสิ้นเชิง ยังไม่ทันที่คุณจะหายตกตะลึง ตัวตลก กับเจ้าเป็ดก็ไปกระโดดเล่นบนเตียงเสียแล้ว เมื่อมองไปที่โต๊ะดีๆ คุณเห็นขวดแก้วเล็กๆ อยู่บนโต๊ะสองขวด คุณหยิบขึ้นมาดู ขวดหนึ่งเป็นน้ำใสๆ มีป้ายแปะอยู่ที่ข้างขวดว่า
    "อย่าดื่ม" ส่วนอีกขวดเป็นน้ำใสๆ สีชมพู เขียนไว้ว่า "ดื่มเมื่อต้องการจะดื่ม"
    ด้วยคำแนะนำพิลึกที่แปะไว้ข้างขวด คุณจึงวางทั้งสองขวดลงบนโต๊ะดังเดิม

    "ก๊อกๆ" มีเสียงเคาะประตู ดังขึ้น คุณหันไปมองด้วยใจระทึก ยังไม่ทันที่จะคิดอะไร ประตูก็เปิดออก
    คนคุ้นหน้าเปิดประตู้และเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับพูดว่า
    "ตื่นได้แล้ว"
    ฉับพลัน คุณก็พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงนอนเหมือนเพิ่งจะตื่น สีชมพูในห้องที่แสบตาเมื่อกี้ไม่หลงเหลืออยู่เลย ทุกอย่างกลับเป็นสิ่งปกติในชีวิตประจำวันดังเดิม



    ก็พอเอาคร่าวๆ ละกันครับ เดี๋ยวมันจะยาว ยืดเยื้อ และนอกประเด็นมากกว่านี้ และแน่นอนว่า เราก็มีคำถามเช่นเคย คำถามคือ
    1. ที่ 7-11 คุณเจออะไร
    2. คุณเจอตัวตลกที่ไหน และตัวตลกกำลังทำอะไรอยู่
    3. สิ่งที่เป็ด และตัวตลกทำเป็นสิ่งสุดท้ายคืออะไร
    4. หลังจากที่หนีจากตำรวจ คุณเจออะไรบ้าง (ตอบอย่าง ต่ำ 3 ข้อ)
    5. ตำรวจมีกี่คร และทำอะไรบ้าง

--------------------------------------------------

    นี่คือตัวอย่าง ของการเก็บข้อมูลทั้งหมดของสมองเราครับ
    หากเรานำประสาทสัมผัสมทั้งหมดมาเชื่อมโยง และจินตนาการประกอบเข้าด้วยกัน เราสามารถจดจำข้อมูลได้มากมายมหาศาล ไม่ใช่แค่นี้นะครับ เพราะถ้าเอาจริงๆ แม้แต่รายการสิ่งของ 100 รายการ ก็สามารถจดจำได้โดยไม่ยาก

    แต่แน่นอนว่า มันก็ต้องใช้เวลาบ้าง โดยวิธีที่ใช้ในการจำ มีอยู่สองแบบหลักๆ คือ
    1. กลวิธีการเล่าเรื่อง
    2. กลวิธีการเดินทาง และใส่ข้อมูลลงในฉาก

    กลวิธีทั้งสองอย่างนี้ ช่วยในการจดจำของได้มาก และง่าย ดูได้จากเรื่องเล่าของสิบอย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างไปแล้วในบทก่อนๆ "ไส้เดือนร้องเพลง" นั่นล่ะครับ เพียงแต่ว่า ถ้าข้อมูลมาก แล้วเราต้องมานั่งเรียบเรียงเรื่องราว มันก็ดูจะยาวและกินเวลามากไปสักหน่อย อีกอย่างหนึ่ง ถ้าข้อมูลมีหลายชุดที่ต้องจำ ก็คงจำสับสนไม่น้อย หรือบางที จะนึกก็นึกไม่ออก
    การเชื่อมโยงกันนี้ ถ้านึกสิ่งหนึ่งออก ก็จะนึกสิ่งอื่นๆ ตามมาทั้งหมดด้วย เหมือนขุดมันออกมาได้ทั้งเถานั่นเอง

    การจำไพ่ หรือข้อมูลที่มากชุดขึ้นไป ก็มักจะใช้วิธีจำแบบที่สอง หรือวิธีเดินทางนี่ล่ะครับ เพราะว่าอย่างน้อยมันจะทำให้เรานึกของชิ้นแรกออกได้ง่าย และสามารถแบ่งชุดของที่ต้องการจดจำได้ง่าย อย่างการจำไพ่หลายๆ สำรับก็ใช้วิธีนี้ล่ะครับ

    แล้วการจำไพ่ทั้งสำรับทำยังไง มันใช้ในการช่วยเล่นมายากลด้วยหรือเปล่า ครั้งหน้า ผมจะมาเล่าให้ฟังละกัน